วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

10 น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก

10 น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก น้ำตก Plitvice, ประเทศโครเอเชีย น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก01 ภาพจาก: Photo by James/CC BY-SA 2.0 หนึ่งในน้ำตกที่โรแมนติกที่สุดในโลก เพราะความสวยงามของสายน้ำสีเทอควอยซ์ในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิตไวซ์ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากความสำคัญของการเป็นป่ารุ่นแรกๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก วิธีชมความสวยงามของที่นี่คือการเดินเท้า บางเส้นทางกินระยะเวลานานถึง 6 ชั่วโมง หรือใช้บริการนั่งเรือชมทะเลสาบฟรี (รวมในค่าเข้า) โดยเรือจะออกทุกครึ่งชั่วโมง และมีให้บริการเฉพาะช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคมเท่านั้น ช่วงเวลาน่าไปคือระหว่างมิถุนายนถึงสิงหาคม เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ น้ำตกจะมีสีสันสดใสที่สุด ค่าเข้า ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. อยู่ที่ 110 Kuna วันที่ 1 ก.ค.-31 ส.ค. อยู่ที่ 180 Kuna (1 Kuna เท่ากับ 5 บาทไทย) พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Yosemite Falls, ประเทศสหรัฐอเมริกา น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก02 ภาพจาก: Expedia View Finder ตระการตากับความสูงของตัวน้ำตกที่แฝงอยู่ในหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่โด่งดังที่สุดของอเมริกาอย่าง Yosemite ในรัฐแคลิฟอร์เนีย น้ำตก 3 ชั้นแห่งนี้ยังถือเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความสูงถึง 739 เมตร ด้วยความสูงใหญ่ ทำให้น้ำตกแห่งนี้สามารถมองเห็นได้จากหลายมุม และนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเที่ยวชมธรรมชาติเป็นระยะทางราว 1.6 กิโลเมตร ที่นำไปสู่ตีนน้ำตกได้ด้วย ช่วงเวลาน่าไปคือช่วงที่มีน้ำเยอะและสวยที่สุดตั้งแต่พฤศจิกายนถึงกรกฎาคม โดยน้ำจะมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม ค่าเข้า 15 US dollar (1 US dollar = 35 บาท) พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Gullfoss, ประเทศไอซ์แลนด์ น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก03 ภาพจาก: Photo by O Palsson/CC BY 2.0 ความยิ่งใหญ่ของน้ำตก Gullfoss เป็นแรงดึงดูดให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไอซ์แลนด์ ไฮไลท์คือจุดชมน้ำตกไหลบ่าท่วมรอยแตกบนลานหินกว้างก่อนตกลงสู่เบื้องล่างที่ความสูงกว่า 32 เมตร ตัวน้ำตกเองยังตั้งอยู่ใน Golden Circle ที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไอซ์แลนด์อย่างบ่อน้ำพุร้อน Geysir และอุทยานแห่งชาติ Thingvellir ช่วงเวลาน่าไปคือหน้าร้อนระหว่างกรกฏาคม-สิงหาคม นอกจากจะได้เห็นความเขียวชอุ่มของไอซ์แลนด์แล้ว แสงแดดยังทำให้เกิดรุ้งขนาดใหญ่บนน้ำตกด้วย ค่าเข้า ไม่มีค่าเข้า แต่ควรเตรียมเงินไว้สำหรับค่ากิจกรรมท่องเที่ยว ตั้งแต่นั่งรถชมวิว ปั่นจักรยาน ล่องเรือ ชมถ้ำ ไปจนถึงแช่น้ำร้อน ส่วนใหญ่ทัวร์ออกจากเมืองหลวง Reykjavik โดยทัวร์เบสิคอย่าง Classic Golden Circle เริ่มต้นที่9,900 ISK (100 ISK=26 บาท) สามารถเข้าไปดูแพคเกจได้ที่นี่ พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Niagara Falls, ประเทศแคนาดา และสหรัฐอเมริกา น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก04 ภาพจาก: Expedia View Finder น้ำตกอีกแห่งในสหรัฐที่ชื่อดังไปทั่วโลกกับความอลังการของสายน้ำที่รวมน้ำตกไว้ถึง 3 แห่งด้วยกัน โดยที่กว้างที่สุดเป็นส่วนที่อยู่ในพรมแดนแคนาดากับความยาวถึง 790 เมตร ขณะที่มีการวัดปริมาตรน้ำที่ไหลบ่าลงมานั้นสูงถึง 2,400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเลยทีเดียว ที่นี่มีน้ำตกไหลตลอดปีแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ช่วงเวลาน่าไปที่สุดจะเป็นช่วงหน้าร้อนระหว่างพฤษภาคมถึงกันยายนด้วยอากาศสดใส ค่าเข้า ไม่เสียค่าเข้า แต่แนะนำให้ซื้อ USA Discovery Pass หากต้องการชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งต่างๆ ให้ครบ รวมทั้งนั่งเรือชมน้ำตก ในราคารวม 38 US dollar พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Iguazu Falls, ประเทศอาร์เจนตินา และ บราซิล Iguazu_Falls ภาพจาก: Photo by mark goble/CC BY 2.0 น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยความยาวกว่า 4 กิโลเมตร และสูงกว่า 81 เมตร เต็มไปด้วยน้ำตกน้อยใหญ่ถึง 275 แห่ง แม้น้ำจะไหลมาจากฝั่งบราซิล แต่ว่าตัวน้ำตกส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งอาร์เจนตินาที่สามารถเข้าดูน้ำตกได้ใกล้ว่า โดยไฮไลท์อยู่ที่ The Devils Throat ซึ่งเป็นจุดที่น้ำตกร่วงลงมาในช่องผารูปตัว U ส่วนบราซิลจะได้ภาพน้ำตกแบบมุมกว้างดีกว่า เที่ยวได้ทั้งปี ช่วงที่อากาศดีสุดจะเป็นช่วงฤดูร้อนในเดือนธันวาคมถึงมีนาคม และหน้าหนาวในเดือนกันยายนถึงตุลาคม ค่าเข้า ฝั่งอาร์เจนตินา 260 เปโซ (1 เปโซ = 3 บาท) ฝั่งบราซิล 52.30 เปโซ (1 เปโซ = 10 บาท) พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Victoria Falls, ประเทศแซมเบีย และซิมบับเว น้ำตกวิกตอเรีย ภาพจาก: Photo by Mario Micklisch/CC BY 2.0 ตั้งอยู่บนเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศแซมเบีย และซิมบับเวในทวีปแอฟริกา ถือเป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวในโลกที่มีหน้าผาน้ำตกกว้างกว่า 1.7 กิโลเมตรและสูงกว่า 108 เมตร จนทำให้รัศมีเสียงน้ำกระทบพื้นดังไปไกลกว่า 40 กิโลเมตร ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว ช่วงที่น้ำตกสวยที่สุดคือเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน ค่าเข้า 30 US dollar ต่อคน พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Kaieteur Falls, ประเทศกายอานา Kaieteur Falls ภาพจาก: Photo by Tim Snell/CC BY-ND 2.0 น้ำตกสายเดี่ยวที่กว้างที่สุดในโลก ที่ความกว้างขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่กว้างตั้งแต่ 76-120 เมตร ความสูงของน้ำตกอยู่ที่ 226 เมตร โดยน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่แม่น้ำ Potaro River ในอุทยานแห่งชาติ Kaieteur และตกจากหน้าผาที่ได้ชื่อว่าเป็นหินที่อายุมากที่สุดในโลก มีอายุถึง 2,990 ล้านปีเลยทีเดียว ช่วงเวลาน่าเที่ยวคือสิงหาคมถึงตุลาคม และกุมภาพันธ์ถึงเมษายน นอกนั้นจะเป็นช่วงฤดูฝน ค่าเข้า ค่าเข้าไม่เสีย แต่ส่วนใหญ่เป็นการเดินทาง พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Angel Falls, ประเทศเวเนซูเอลา Angel_Falls ภาพจาก: Facebook / Angel Falls Adventure Tour ถือเป็นน้ำตกสูงสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความสูงถึง 979 เมตร โดยน้ำตกตั้งอยู่ที่ริมผาของยอดเขา Auyantepui ของอุทยานแห่งชาติ Canaima ส่วนชื่อนั้นไม่ได้มาจากนางฟ้า แต่เป็นชื่อของ จิมมี แองเจิล นักบินชาวสหรัฐที่นำเครื่องบินบินเหนือน้ำตกเป็นคนแรก ช่วงพฤษภาคมถึงธันวาคมจะเป็นช่วงหน้าฝน ซึ่งมีน้ำมาก แต่เดือนที่น่าไปที่สุดจะเป็นพฤศจิกายนถึงธันวาคมที่ฝนค่อนข้างน้อย และน้ำยังมากอยู่ แนะนำให้จองที่พักและทัวร์ล่วงหน้าข้ามปี ค่าเข้า เสียค่าเดินทาง 4 US dollar เมื่อเดินทางถึงสนามบิน แต่เสียค่าทัวร์ต่างหาก เพราะการเดินทางลำบากเข้าไปลึก และที่พักมีจำกัด ทัวร์เริ่มต้นที่ราว 950 US dollar ต่อคน ลองใช้บริการของ Tucan Travel ที่บินจากเมืองหลวง Caracus ได้เลย พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Detian Falls, ประเทศจีนและเวียดนาม Detian Falls ภาพจาก: Photo by 2il org/CC BY 2.0 น้ำตก Detian ถือเป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ใน 2 ประเทศใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย โดยในภาษาเวียดนามชื่อว่าน้ำตก Banyue ตัวน้ำตกหลักตั้งอยู่บนเขตแดนจีนด้วยความกว้างของหน้าผากว่า 120 เมตร แต่หากรวมในฝั่งเวียดนามด้วยจะกว้างถึง 200 เมตร และน้ำตกลงมาที่ความสูง 70 เมตร ก่อนจะถึงสระน้ำสีเทอควอยซ์เบื้องล่าง สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฏาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ค่าเข้า ไม่มีค่าเข้า พักที่ไหนดี? การเดินทาง น้ำตก Sutherland Falls, ประเทศนิวซีแลนด์ น้ำตก_Sutherland _Falls_ประเทศนิวซีแลนด์ หนึ่งในน้ำตกสูงที่สุดในนิวซีแลนด์ด้วยความสูง 580 เมตร ตัวน้ำตกอยู่ในหุบเขาลึกของอุทยานแห่งชาติ Fiordland National Park ความสวยของที่นี่ไม่ได้อยู่ที่น้ำตกอย่างเดียวเท่านั้น แต่อยู่ที่เส้นทางการเดินเท้าชมน้ำตกในเส้นทาง Milford Track ที่ใช้เวลา 5 วัน พร้อมชมน้ำตกน้อยใหญ่ระหว่างทางมากมาย ที่นี่ท่องเที่ยวได้แค่ช่วงพฤศจิกายนถึงเมษายน โดยช่วง High Season อยู่ที่ธันวาคมถึงมีนาคม

วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แม่น้ำลัวร์

ฝรั่งเศส “ดินแดนแห่งปราสาทลุ่มแม่น้ำลัวร์” แคว้นลัวร์ อยู่ทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือของฝรั่งเศสเล็กน้อย มี ตูร์ (Tour) เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 12 ของฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นเมืองชุมทางที่จะ ผ่านไปฝรั่งเศสตะวันตก มีรถไฟด่วนทีจีวี หรือ เตเจเว (TGV) วิ่งจากปารีสใช้เวลา 1 ชั่วโมง ตูร์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย มีสถานศึกษาภาษาฝรั่งเศสมาตรฐานที่ไม่มีคำสแลง คนญี่ปุ่นจึงชอบมาเรียนกันที่ตูร์ แม่น้ำลัวร์ เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงแคว้นลัวร์ และเป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดของฝรั่งเศส คือ 1,013 กิโลเมตร หล่อเลี้ยงต้นองุ่นของหลายร้อยตำบลในหลายแคว้น สองฟากฝั่งมี ปราสาทหรือชาโต (Chateau) ของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ที่สวยงามนับพันแห่ง สะท้อนถึงความเป็นอยู่อันหรูหราฟุ่มเฟือยของเจ้าขุนมูลนายในยุคนั้น สาเหตุที่มีชาโตมาก มายที่ลัวร์ เนื่องจากช่วงสงคราม 100 ปี (ค.ศ.1337-1453) พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ไม่อยากตกเป็นเชลยของอังกฤษ จึงอพยพจากปารีสไปอยู่บริเวณลุ่มน้ำลัวร์ กระทั่งกลายเป็นสถานที่อยู่ อาศัยถาวรของพระราชวงศ์ ขุนนาง และข้าราชบริพารทั้งหลาย รวมทั้งพ่อค้าน้อยใหญ่ที่ทำการค้าขายในลำน้ำลัวร์ ปัจจุบันปราสาทเหล่านี้กลายเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ที่สนใจประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส รู้จักกันในนาม ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์ (Chateau de la Loire) ที่ดัง ๆ เช่น Chambord (ชอมบอร์ด), Chenonceau (เชอนงโซ), Amboise (ออมบัวส์), Blois (บลัวส์), Azay-le-Rideau (อาเซ เลอ คริโด) และ Usse (อุสเซ่) เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Mont Saint-Michel แคว้นนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส

หลังจากไกด์ได้พักไปหลายวันแล้ว วันนี้ได้เวลาพาไปเที่ยวต่อ วันนี้เด็กหญิงลูกครึ่งจะพาไปชม Mont Saint-Michel ที่ชาวฝรั่งเศส ออกเสียงกันว่า มง แซง มีแชล . Mont Saint-Michel ที่เห็นในภาพข้างบนนี้ เป็นวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะในเขตแคว้นนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส โดยสถานที่นี้ ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1979 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับ 3 ของฝรั่งเศส รองลงมาจากหอไอเฟล และพระราชวังแวร์ซายน์ ประวัติความเป็นมาของวิหารนี้ เขาเล่าว่า มีการสร้างวิหารนี้โดยนักบุญมีแชลที่ได้มาเข้าฝัน นักบุญโอแบร์ บิชอบ แห่งมาฟรองช์ ราวๆ คริสต์ศตวรรษที่ 8 จริงๆ นักบุญมีแชลมาเข้าฝันนักบุญโอแบร์ถึงสามครั้ง โดยครั้งที่หนึ่งนั้น นักบุญโอแบร์นึกว่าเป็นปิศาจมาเข้าฝัน จึงไม่ได้ทำตาม จนถึงครั้งที่สามที่นักบุญโอแบร์ ฝันว่า นักบุญมีแชลเอานิ้วมาจิ้มที่หัว(คงประมาณว่า… หนอยแน่ แกไม่เชื่อฉันเหรอ เหอๆ คนเขียนแปลใส่สีอีกแล้ว) พอตื่นเช้าขึ้นมาเจอรูที่ศรีษะเข้าไปหนึ่งรู เท่านั้นแหละ ท่านก็รีบไปทำตามความฝันที่นักบุญมีแชลสั่งให้สร้างวิหารนี้ทันที ตัวเกาะที่เห็นอยู่ข้างบนนี้ เกือบทั้งหมดเป็นหินแกรนิต เด็กหญิงและเพื่อนพ้องไม่ได้ขึ้นไปชม เห็นบอกว่า คุณครูใหญ่ตังค์หมด ไม่มี เอิ้กๆ ล้อเล่นๆ ค่ะ คือว่าจริงๆ ที่นี่ไม่ได้ อยู่ในตารางการทัศนศึกษา แต่บังเอิญว่า คุณครูใจดี เห็นว่าเป็นสถานที่สำคัญ ฮอตฮิต เลยพานักเรียนมาชมกันสักนิดนึง เอาแค่พอผ่านๆ ตา ดังนั้น ดิฉันเลยขออาสาพาขึ้นไปดูเอง เพราะเคยปีนหอคอยนี้ขึ้นไป เมื่อปีก่อน ตอนไปฮอลิเดย์เฮฮา กันมาแล้ว ตามมาชมกันเลยค่ะ วิหารแห่งนี้สร้างอยู่บนเกาะ เดินขึ้นไปก็จะพบทางเดินแคบๆ วนไปวนมา ตามข้างทางมีร้านขายของที่ระลึกเพียบเลย มีเรื่องสะเทือนขวัญกันเล็กน้อย ด้วยว่าอาหมวยที่เห็นอยู่ในรูป มันเป็นใครก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าพอเดี๊ยนชักภาพ แฟลชแวบออกมา เธอก็หันมาโช้งเช้งใส่เดี๊ยนซะงั้น แถมทำหน้างอใส่ เดี๊ยนก็ฟังมันไม่รู้เรื่องหรอก แต่อีลุงบอกว่า สงสัยเขาด่าว่าเธอเป็นปาปารัสซี่ ถ่ายรูปเขาไปขายมั้ง สรุปจนวันนี้ ก็ยังไม่รู้ว่า อาหมวยอีด่าอะไร เดี๊ยนหรือเปล่า เอิ้กๆ ไม่เป็นไร ช่างอาม่ามันเหอะเนอะ แต่ไม่ว่าจะค้าขาย หาเงินเข้ากระเป๋ากันอย่างไร วิหารนี้ก็ยังคงดำรงการเป็นศาสนสถานอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะว่ายังมีนักบวช เบเนดิค พำนักอาศัยอยู่ในที่นี้ด้วย สิ่งก่อสร้างด้านบนนั้น ส่วนใหญ่เป็นบรรดาป้อมและกำแพง ที่โอบล้อมวิหารแห่งนี้โดยรอบ เพื่อเป็นปราการป้องกัน สึนามิ เอ๊ย กระแสน้ำที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามธรรมชาติ จะเห็นได้ว่า เขาตัดถนนหนทางเข้ามาถึงเกาะ เพื่อทำให้การเดินทางเข้ามาชมสถานที่แห่งนี้ ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น ดังนั้น นักท่องเที่ยว จึงหลั่งไหลกันเข้ามาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้กันอย่างมากมาย จากด้านบนมองลงมา ก็ยังเป็นวิวทะเลตอนน้ำลง เสียดายที่ เราไม่ได้อยู่รอตอนน้ำขึ้น เดาว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะงดงาม มากขึ้นเมื่อน้ำทะเลขึ้นมา โอบล้อมวิหารบนเกาะไว้ วันที่เราไปเยี่ยมเยือน เขาประกาศว่าน้ำจะขึ้นตอน บ่ายสามครึ่งเราจึงไม่ได้อยู่รอ เสียดายเหมือนกัน ทัวร์ฝรั่งเศส กับสองแม่ลูกนี้ ยังไม่จบง่ายๆ ค่ะ คราวหน้าพาไปเที่ยวกันต่อ วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ ปัจฉิมฯ

วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

หอยทากจากฝรั่งเศส

ของดีของฝรั่งเศส หอยทากจากบูร์โกนญ์ หอยทากเอสการ์โกส์จากบูร์โกนญ์ Escargots de Bourgogne “ผมเคยทาน ซุปเอสกาโกส์ แบบรถเข็น ข้างถนนที่ กรุงบรัสเซลในเบลเยี่ยม ซึ่งจะมีขายในช่วงหน้าหนาวตักไส่แก้วกระดาษแล้วเดินจิบแก้หนาวไป ต้องบอกว่าสุดยอดจริง ..” มันคือหอยทากไร่องุ่น vineyard snails ก็เนื่องจากแถบบูร์โกนญ์หรือที่เรารู้จักในภาษาอังกฤษว่า Burgundy นั้นนิยมปลูกองุ่นทำไวน์กันแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว(ตั้งแต่สมัยยังเป็นเมืองหนึ่งของอณาจักรโรมัน)หอยทากพวกนี้เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในไร่องุ่นน่ารำคาญนักจึงโดนจับไปทำอาหารซะงั้นผัดกินกับเห็ดท้องถิ่นบ้างหรือเสียบไม้ย่างกินบ้างนิยมกินกันในโปตุเกสและสเปนแถบคันตาลุนญ่าด้วยแต่คงไม่มีสูตรไหนอร่อยเท่ากับสูตรอบเนยเครื่องเทศแบบ บูร์โกนญ์อีกแล้ว วิธีทำเค้าจะเอาหอยออกจากฝาก่อน โดยนำไปต้มในน้ำซุปเครื่องเทศ(ใบไทย์ม,ใบเบย์แล้วก็พริกไทย)ซึ่งน้ำซุปนี้ก็เอาไปใช้เป็นซุปขายได้เลย ผมเคยทาน’ ซุปเอสกาโกส์’ แบบรถเข็น ข้างถนนที่ กรุงบรัสเซลในเบลเยี่ยม ซึ่งจะมีขายในช่วงหน้าหนาว ตักไส่แก้วกระดาษแล้วเดินจิบแก้หนาวไป ต้องบอกว่าสุดยอดจริง แต่ในซุปนี้จะมีเศษเนื้อหอยน้อยมากจะมีก็ที่มันแตกตัวเป็นเศษเล็กๆเท่านั้น ส่วน ตัวหอยน่ะเค้าเอามากลับไปคลุกกับเนยเครื่องเทศแล้วยัดลงฝาใหม่แล้วไปแช่เย็นเก็บไว้ คราวนี้ก่อนเสริฟก็แค่นำไปอบแล้วเสริฟบนถาดอลูมิเนียมที่เป็นหลุมเหมือนถาดขนมครก จะมี2ขนาดคือ แบบครึ่งโหล(ถาด6ตัว)และแบบ1โหล(ถาด12ตัว) มาพร้อมเครื่องมือจับหอยที่ออกแบบมาเฉพาะกันลื่นและกันร้อน เพราะต้องเสริฟร้อนๆถึงจะถูกต้อง จะมีซ่อมเล็กๆปลายแหลมจิ้มแล้วดึงออกมาจากฝาคล้ายๆวิธีกินหอยหวานบ้านเรานี่แหละ เคล็ดลับในการกินให้อร่อยคงต้องpairing กับไวน์จากบูว์โกนญ์(Burgundy wine)เช่นไวน์ชมพูอย่าง Marsannay rosé หรือ Aligotéเย็นๆ แต่ถ้าไม่มีจะเป็นไวน์แดงก็ไม่ได้น่าเกลียดนะครับ(อย่าไปสนใจpairingมากมันอยู่ที่เรา) ข้อสำคัญอย่าลืมเอาขนมปัง ทาซอสเนยที่อยู่ก้นถาดกินแกล้มไปด้วยนะครับ จะบอกว่าหอยส่วนใหญ่ทีเสริฟในร้านก็เป็นแช่แข็งทั้งนั้นในบางครั้งเราสามารถซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตมาเข้าเตาอบเองก็ได้รสชาติเหมือนกันทุกอย่างเพราะที่ร้านดีๆก็ทำแบบเดียวกันมันคลุกกับเนยเครื่องเทศมาแล้วไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแค่เตรียมขนมปังอุ่นๆกับไวน์ที่ท่านชอบครับ ท่านใดไปทานที่ร้านไหนในเมืองไทยมาแล้วติดใจก็มาแชร์กันด้วยนะครับ Recipe Ingredients • 4 dozen cooked snails and their shells • 250g butter • 1 bouquet garni of parsley • 4 garlic cloves • 1 shallot • Salt and pepper 1. Take out the butter in advance to allow it to soften at room temperature. 2. Peel and crush the garlic cloves before finely chopping the shallot. Wash and chop the parsley. Add garlic, shallot and parsley to the soft butter before mixing well. Season. 3. Place a small amount of garlic butter into the shells, place the snails inside and finish filling the shells with the butter. 4. Place the snails, with the openings facing upwards, in an oven preheated to 200°C for 6 minutes. Check occasionally: when the butter starts to boil, remove them from.

วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

มารยาทบนโต้ะอาหารฝรั่งเศส

Les bonnes manières indispensables à table (เล บอน มานิแยร์ แอ็งดิสป็องซ๊าบ อา ต๊าบเบลอะ) มารยาทที่ดีและจำเป็นอย่างยิ่งบนโต๊ะอาหาร Les-bonnes-manières-indispensables-à-table-150x150 1. ไม่ควรทำอะไรบนโต๊ะอาหาร ก่อนเจ้าบ้าน(Hôte)จะทำก่อนเป็นครั้งแรก เช่น เราไม่ควรหยิบช้อนมาเล่นเป็นวงเคาะกะลา หรือนั่งดีดแก้วให้มีเสียงกังวานน่าฟัง เพราะเป็นการกระทำต้องห้ามสำหรับแขก 2. หากเราเป็นแขกหน้าใหม่ ไม่ค่อยทราบธรรมเนียมปฏิบัติ เราก็แค่นั่งรอเงียบๆ ใช้สายตาสังเกตคนข้างๆว่าเขาทำอะไร แล้วก็ทำตามอย่างเขาเลยครับ 3. เวลาทานซุป อย่านำช้อนเข้าปากทั้งช้อนด้วยความยินดีในรสชาติอันแสนเอร็ดอร่อยนะครับ เริ่มตั้งแต่เวลาตักเลย ให้เราตักซุปแบบตักออกจากตัวเอง แล้วค่อยจิบซุปอย่างละเมียดละไมครับ 4. หากไม่แน่ใจว่าจะใช้มือในการหยิบจับอาหาร(จำพวกขนมปัง)ได้ไหม ขอแนะนำให้ใช้ภาชนะบนโต๊ะแทนมือเปล่าจะดีกว่านะครับ 5. คุณต้องไม่วางภาชนะบนผ้าปูโต๊ะหลังจากที่ใช้มันแล้ว เช่น เมื่อใช้ช้อน ส้อม หรือมีดแล้ว ต้องไม่วางบนโต๊ะนะครับ 6. จงตั้งสติให้ดี ถ้าหากเผลอทำสิ่งใดหก หรือคว่ำบนโต๊ะ ต้องไม่เอะอะโวยวายให้แขกท่านอื่นและเจ้าบ้านต้องรำคาญใจ 7. เกลือกับพริกไทยจะอยู่คู่กันตลอดบนโต๊ะ Du sel (ดู แซ็ล) = เกลือ Du poivre(ดู ป๊วฟเวรอะ) = พริกไทย อย่าได้ถามหาซอส น้ำปลาหรือเครื่องปรุงอื่นนะครับ จะเป็นการเสียมรรยาทเพราะเหมือนเป็นการดูถูกในรสชาติอาหาร หากเป็นในร้านอาหารก็จะเท่ากับว่าเป็นการดูถูกเชฟครับ 8. อย่าลืมคำพูดเหล่านี้เด็ดขาด เวลาจะขอความช่วยเหลือและขอบคุณ S’il vous plaît (ซิล วู เปล) = ได้โปรด = Please Merci (แมร์ซี่) = ขอบคุณ = Thank you 9. ห้ามใส่น้ำแข็งในแก้วไวน์เพื่อเพิ่มความเย็นฉ่ำเด็ดขาด 10. หากคุณต้องการดื่มไวน์อีก ก็แค่ดื่มในแก้วให้หมด แล้วรอเติมใหม่ แต่ถ้าไม่ต้องการอีก ควรเหลือไวน์ไว้ก้นแก้วเพื่อเป็นการบ่งชี้ว่าไม่รับเพิ่มแล้ว 11. เมื่อทานเสร็จแล้ว วางภาชนะไว้ในแนวขนานบนจาน(ช้อน ส้อม คู่กัน) 12. มือทั้งสองข้างของเราต้องวางให้เห็นบนโต๊ะ ไม่เก็บไว้ใต้โต๊ะแอบเล่นมือถือ แคะ แกะ หรือเกาอะไรทั้งสิ้น 13. ไม่พูดคุยขณะอาหารเต็มปาก และไม่ทานอาหารเสียงดัง ข้อนี้ก็เหมือนมรรยาทไทยเลยครับ 14. ไม่ควรวางสิ่งของอื่นๆบนโต๊ะ เช่น (nm.)Portefeuille (ปอร์เตอะเฟย) = กระเป๋าเงิน = Wallet (nm.)Téléphone portable (เตเลฟอน ปอร์ต๊าบเบลอะ) = โทรศัพท์มือถือ =Mobile telephone (nf.)Clé (เกล) = กุญแจ = Key 15. หากเป็นผู้หญิง ควรระวังไม่ให้มีรอยลิปสติกติดแก้ว 16. หากอยากทำธุระส่วนตัว เช่น จะไปเข้าห้องน้ำ ให้เอ่ยว่า Excusez-moi (เอ๊กซ์กูเซ่ มัว) = Excuse me ครับ หากอ่านครบแล้วจะพบว่ามีหลายข้อที่ตรงและเหมือนมรรยาทของคนไทย คงไม่ยากที่จะปฏิบัติกันนะครับ

วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

12 TIPS TO KEEP SKIN SOFT AND GLOWING IN WINTER

Winter weather is not fun for skin. Cold weather and low humidity levels result in dry air, which then steals moisture away from the skin every second of every day. Without immediate care, dry skin can lead to cracking and bleeding, and harsh winter wind makes the problem worse. Indoor heat further robs the air of moisture, as do hot showers or baths and harsh cleansers. Additional moisture helps, but you need to do more to actually counteract these effects and keep skin looking youthful and smooth. To reduce chapping, redness, itching, and keep skin more healthy and comfortable this season, try these tips. 1. WASH IN LUKEWARM WATER Hot showers and baths always feel good in the winter, but when you can, particularly when just washing your face or hands, choose lukewarm water to avoid stripping as many oils away from the skin. 2. MOISTURIZE IMMEDIATELY AFTERWARDS Your skin not only needs more moisture, but moisture right after you wash. Applying moisture to damp skin helps seal that dampness into the skin. Keep a bottle near the bathtub, shower stall, and at every sink and use liberally every time you wash. 3. CHOOSE MOISTURIZER CAREFULLY Some over-the-counter moisturizers have petroleum-based ingredients that can actually further dry your skin in the winter months. Be sure to choose a smart formula that has natural, nourishing ingredients. Go for an oil-based rather than a water-based solution, as it’s more likely to help your skin retain moisture in the winter. Try Indie Lee’s natural moisturizing oils, as they’re made with natural, hydrating ingredients like lavender, chamomile, jojoba, and more, which help soothe dry, itchy skin. 4. PROTECT Get used to wearing gloves and scarves to protect skin from cold winds, rain, and snow. Also, don’t forget the sunscreen. Winter sun can be just as damaging as summer sun, so apply a safe option like zinc oxide or titanium dioxide to any exposed areas. 5. HUMIDIFY Heating systems dry out the air, so consider installing a humidifier in your home, particularly in your bedroom, to put moisture back into the air and help prevent your skin from drying out. 6. DRINK We tend to drink less water in the winter because we turn to hot drinks like cocoa and tea, but don’t forget that your skin needs hydration from the inside, out. A little warm water with lemon can be very refreshing and hydrating at the same time. 7. OVERNIGHT MOISTURIZE Dryer areas like hands, feet, elbows, and knees have thin skin and tend to lose moisture faster than other areas on the body. Consider slathering on a deep moisturizing balm Skin Food by Weleda at night, then wear cotton gloves and socks to seal in the moisture until morning. 8. EXFOLIATE We often forget to help the skin slough off dead cells in the winter, particularly on our hands. Yet moisture can’t get in if the dead cells are too plentiful. Find an exfoliating mask and use it on your face and your hands, as well as gently on your lips, then follow immediately with moisture to truly see a smoother difference. Exfoliating body washes are also helpful in the winter months. 9. AVOID TOXINS, SPECIFICALLY ALLERGENS AND IRRITANTS Particularly if you have eczema, dermatitis, or psoriasis, you have to avoid allergens and irritants that may trigger a flare up. Winter skin is more fragile, so avoid irritating fabrics (like wool) and chemical-laden detergents, and use mild cleansers and moisturizers designed for sensitive skin. In addition, glutathione is considered the “master anti-oxidant” and helps your body detox. 10. HYDRATE FROM THE INSIDE OUT Eating foods high in water content can help hydrate your skin from the inside out. Try watermelon, cantaloupe, apples, oranges, kiwi, and watery veggies like celery, tomatoes, cucumbers, zucchini, and carrots. Make sure you’re getting enough vitamin C and zinc to support the healthy production of collagen and elastin. Also consider Be Well’s omega-3 supplement, or consume more fatty fish and flaxseed to give your skin the building blocks it needs to appear supple and smooth. 11. CHANGE YOUR CLEANSER Cleansers can be extremely drying to the skin. If you’re used to using options that contain glycolic or salicylic acid, rotate with a more hydrating version that contains moisturizing ingredients. Try like Suki Naturals Moisture-Rich Cleansing Lotion, or for really dry skin, try a cleansing balm like Ren No. 1 Purity Cleansing Balm. After cleansing, don’t leave the skin naked for more than 30 seconds, as this can dehydrate it, leading to increased dryness. Apply a hydrating toner and moisturizer to seal in moisture. 12. USE DIY MASKS Homemade hydrating masks can provide needed moisture in the winter months. Use natural moisturizing ingredients like honey, avocado, yogurt, olive and jojoba oils, almond oil, bananas, and aloe. Mix what you like together to create a cream or paste, and leave on skin for 10-30 minutes for lasting hydration. Do you have other tips for pampering winter skin? Please share them with our readers. Source: “Cold Weather Skin,” Bingham Memorial Hospital, October 25, 2013, http://www.binghammemorial.org/blog/2013/10/25/cold-weather-skin/. YOU MAY ALSO BE INTERESTED IN: Winter Skin Survival Winter Skin Survival 5 Steps To Perfect Skin:
Beautiful Skin Made Easy 5 Steps To Perfect Skin: Beautiful Skin Made Easy Avoid These 7 Mistakes to Maintain Glowing Skin This Winter Avoid These 7 Mistakes to Maintain Glowing Skin This Winter How to Take Care of Your Skin in the Fall How to Take Care of Your Skin in the Fall 5 DIY Natural Face Masks 5 DIY Natural Face Masks 10 Ways a Humidifier Improves Your Health, Skin, and Household This Winter 10 Ways a Humidifier Improves Your Health, Skin, and Household This Winter 296 13EmailShareThis Tags: dry skin, exfoliation, face cleansers, face masks, humidity, moisturizer, skin, skin care, water, winter FREE EBOOK Enter your email to receive the 3-Day Reset eBook 11 recipes for breakfast, lunch, dinner—plus bonus tips GET THE EBOOK SHOP CUSTOMER SERVICE LEARNING CENTER SIGN UP Join our newsletter to receive weekly tips & more. SIGN UP Facebook Twitter Pinterest YouTube Instagram Privacy and Terms of Use © 2010-2017 Be Well Health & Wellness LLC. All rights reserved. Be Well® is a registered trademark of Be Well Health & Wellness LLC. Statements on this site have not been evaluated by the Food and Drug Administration. FREE 3-DAY RESET E-BOOK Join our newsletter and receive your free e-Book, healthy recipes, and Dr. Lipman's expert advice NO THANKS

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ภูทับเบิก

"ภูทับเบิก" ที่เที่ยวหน้าหนาว ชมทะเลหมอก , ไร่กะหล่ำปลี พร้อมกับมิตรภาพดีๆ ใกล้หน้าหนาวแล้ว หลายๆ คนคงวางแพลนไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ กันเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าหากว่าใครที่ยังไม่ได้วางแผน หรือไม่รู้จะไปไหนที่ไหนดี ขอแนะนำ "ภูทับเบิก" สถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาว ยอดฮิต ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต และก็มีคำถามตามมาว่า แล้วมันมีอะไรดี? ทำไมถึงต้องไปดูให้เห็นกับตาของตัวเอง และจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปหรือเปล่า ซึ่งวันนี้ Sanook Travel นั้นจะขอติดสอยห้อยตาม คุณ สมาชิกหมายเลข 1322376 ไปเที่ยวไร่กะหล่ำปลีพร้อมชมทะเลหมอกที่สวยงามมากๆ ยาวสุดลูกหูลูกตาที่ "ภูทับเบิก" กันค่ะ ก็ต้องบอกเลยว่า หมอกในหน้าฝนนี่ก็สวยไม่แพ้หน้าหนาวเลยนะ ลองไปดูกันเลยค่ะ ประวัติ ภูทับเบิก สำหรับ ภูทับเบิก นั้นเป็นชื่อของหมู่บ้านที่ชื่อ หมู่บ้านม้งทับเบิก โดยเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร บนภูเขาสูงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ในตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า และห่างจากตัวอำเภอประมาณ 40 กม. และห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 100 กม. ชาวม้งที่นี่มีอาชีพทำการเกษตรเป็นหลัก พืชผักที่มีการปลูกมากที่สุด ก็คือกะหล่ำปลี ซึ่งมีการจัดสรรที่ดินทำกินสำหรับการปลูกกะหล่ำปลีหลายพันไร่บนยอดเขาสูง ทำให้ในช่วงฤดูฝน มีกะหล่ำปลีผุดขึ้นละลานตาเต็มภูเขา โดยใน เฉพาะในช่วง เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม และช่วงเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน ของทุกปี ส่วนในช่วงหน้าหนาว ที่เที่ยวก็จะมีดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็ม ภูทับเบิก ให้ไปถ่ายรูปกัน ขอบคุณที่มาของข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org และ: http://www.khaoko.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=280061&Ntype=5 เริ่มต้นเดินทาง 5 - 6 กันยายน 58 ที่ผ่านมา เที่ยวภูทับเบิก หน้าหนาว เที่ยวภูทับเบิก หน้าหนาว ทริปสุดมัน !!! แม้ว่าจะต้องบากบั่น ขึ้นไปบนภูด้วยสวิฟน้อย บรรทุก 5 ชีวิต และ มีของเต็มหลังรถอัดกันมา เพื่อจะไปพิชิต ภูทับเบิก กับเขาซักครั้ง ครบทุกรส ทั้ง ร้อน ฝน หนาว พายุ เจอแทบทุกอย่าง แต่ว่าก็ไม่ทำให้ความสนุกในการเดินทางครั้งนี้ลดลงไปเลย แล้วมันขึ้นมากันได้ยังไง เส้นทางไปภูทับเบิก เส้นทางไปภูทับเบิก ซึ่งการออกเดินทางจาก จังหวัดศรีสะเกษ มาถึง จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็เช้าพอดี สำหรับทริปนี้ไม่ได้วางแผนกันไว้แค่ตกลงกันได้ ก็จัดการแพ็คกระเป๋ากันเลย ( ใจง่ายมากกกก ) ทีแรกก็กะจะไปกันเดือนหน้า แต่ว่าไปๆ มาๆ ไปกันมันอาทิตย์นี้หล่ะ วัยรุ่นใจมันร้อน 55 กว่าจะเดินทางมาถึง ภูทับเบิก ก็ใช้เวลาไปเยอะ มีหมอกลงตลอดทาง แต่คนขับก็ สามารถพาทั้ง 5 ชีวิตมาถึงที่ได้อย่างปลอดภัย ภูทับเบิก ภูทับเบิก ซึ่งนับว่า เป็นโชคมากๆ และเมื่อเดินทางมาถึงก็เจอหมอกสวย ลอยมาคลอเคลียให้ชมเลยทีเดียว วิวที่ภูทับเบิก วิวที่ภูทับเบิก บรรยากาศที่ภูทับเบิก บรรยากาศที่ภูทับเบิก และพอไปถึง พวกเราก็ตกลงจะไปเช่าเต้นท์กันที่วิสาหกิจชุมชน ซึ่งมีคนจับจองเป็นประปรายบ้างแล้ว แค่เห็นวิวด้านบนแล้วใจมันก็สั่นระรัว คือ แบบ ดีงาม เวอร์วังอลังการมว๊ากกกก สวยสุดๆ ทะเลหมอก ภูทับเบิก ทะเลหมอก ภูทับเบิก เสาหลัก ที่ภูทับเบิก

Présentation