วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

องค์การสหประชาชาติ ( The United Nations )


         องค์การสหประชาชาติ เป็นองค์การระหว่างประเทศระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1945 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสมาชิกประกอบด้วยประเทศเอกราชต่างๆ จากทุกภูมิภาคของโลก จากจำนวนสมาชิกก่อตั้ง 51 ประเทศในปี ค.ศ. 1945 ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตูวาลู ( Tuvalu ) เข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2000 เป็นอันดับที่ 189
สวิตเซอร์แลนด์ เข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2002 เป็นอันดับที่ 190
ติมอร์ตะวันออก เข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2002 เป็นอันดับที่ 191

วัตถุประสงค์ขององค์การสหประชาชาติ
       องค์การสหประชาชาติได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1945 เมื่อกฎบัตรสหประชาชาติมีผลบังคับใช้ กฎบัตรสหประชาชาติได้กำหนดวัตถุประสงค์ขององค์การสหประชาชาติไว้ ดังนี้ 
1.
เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติ และ ความมั่นคงระหว่างประเทศ 
2.เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประชาชาติทั้งปวง โดยยึดการเคารพต่อหลักการแห่งสิทธิอันเท่าเทียมกัน
3.เพื่อให้บรรลุถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรือ มนุษยธรรม และ การส่งเสริมสนับสนุนการเคารพต่อสิทธิมนุษยชน และ เสรีภาพขั้นมูลพื้นฐานสำหรับทุกคนโดยไม่เลือกปฎิบัติในเรื่องเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือ ศาสนา
4.เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับการประสานงานของประชาชาติทั้งหลายให้กลมกลืนกันในอันที่จะบรรลุจุดหมายปลายทางร่วมกัน
        กล่าวได้ว่าองค์การสหประชาชาติก่อตั้งขึ้นมาด้วย เจตนารมณ์ที่จะขจัดภัยพิบัติอันเกิดจากสงคราม ประกันสิทธิมนุษยชน ตลอดจนส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของมวลมนุษยชาติ 
หลักการขององค์การสหประชาชาติ
       เพื่อให้องค์การสหประชาชาติสามารถดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ กฎบัตรสหประชาชาติได้วางหลักการที่องค์การสหประชาชาติ และ ประเทศสมาชิกจะพึงยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนอนการระหว่างประเทศ ดังนี้ 
1.
หลักความเสมอภาคในอธิปไตย รัฐย่อมมีอำนาจอธิปไตยโดยสมบูรณ์
2.หลักความมั่นคงร่วมกัน เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ และ ความมั่นคงร่วมกัน ดำเนินมาตรการร่วมกัน เพื่อป้องกัน และขจัดการคุกคามต่อสันติภาพ
3.หลักเอกภาพระหว่างมหาอำนาจ ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศษ รัสเซีย และ จีน
4.หลังการไม่ใช้กำลัง และ การระงับกรณีพิพาทโดยสันติวิธี
5.หลักความเป็นสากลขององค์การ เปิดกว้างแก่รัฐที่รักสันติทั้งปวง
6.หลักการเคารพเขตอำนาจศาลภายใน ปัญหาใดที่ประเทศสมาชิกอ้างว่าเป็นกิจการภายใน สหประชาชาติจะไม่มีสิทธิหรืออำนาจเข้าแทรกแซง
องค์กรหลังขององค์การสหประชาชาติ
สหประชาชาติมีการดำเนินงานเกือบทั่งทั้งโลกโดยผ่านหน่วยงานหลัก 6 องค์กร ซึ่งมี 
1.
สมัชชา  สมัชชาเป็นที่รวมของประเทศสมาชิกทั้งหมดของสหประชาชาติ ซึ่งทุกประเทศมีสิทธิออกเสียงได้ 1 เสียง มีหน้าที่พิจารณาและให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ  ภายในกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ แม้ว่าสมัชชากำหนดเป้าหมายและกิจกรรมเพื่อการพัฒนาต่างๆ เรียกร้องให้มีการประชุมระดับโลกในหัวข้อสำคัญๆ และกำหนดปีสากลเพื่อเน้นความสนใจในประเด็นที่สำคัญๆ ของโลก สมัชชามีการประชุมสมัยสามัญปีละครั้ง การลงคะแนนเสียงในเรื่องทั่วๆ ใช้เสียงข้างมากแต่ถ้าเป็นปัญหาสำคัญจะต้องได้คะแนน 2 ใน 3 ของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม
2.คณะรัฐมนตรีความมั่นคงมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สมาชิกถาวร มี 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศษ รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และ สมาชิกชั่วคราว มี 10 ประเทศ อยู่ในตำแหน่งครั้งละ 2 ปี ในกรณีประเทศสมาชิกถาวรประเทศใดประเทศหนึ่งออกเสียงคัดค้าน ถือว่าเป็นการใช้สิทธิยับยั้ง ( Veto ) อันจะมีผลทำให้เรื่องนั้นๆ ตกไปในยุคของสงครามเย็นการดำเนินงานของคณะมนตรีความมั่นคงประสบกับสภาวะชะงักงัน เนื่องจากการใช้สิทธิยับยั้งของประเทศมหาอำนาจ สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงไม่ว่าจะเป็นสมาชิกประจำหรือไม่ก็ตาม จะต้องงดเว้นออกเสียง เมื่อมีการพิจารณาปัญหาข้อพิพาทที่ตนเป็นคู่กรณีด้วย
3.คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม มีหน้าที่สำคัญ คือ การส่งเสริมและจัดทำข้อเสนอแนะกิจกรรม ที่มุ่งเน้นความร่วมมือระหว่างประเทศทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเรื่องการค้า การขนส่ง การพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาเศรษฐกิจ ประชากรและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของมนุษย์ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมประกอบด้วยสมาชิก 54 ประเทศ อยู่ในตำแหน่งคราวละ 3 ปี การลงคะแนนเสียงใช้คะแนนเสียงข้างมาก ภายใต้คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วยคณะกรรมาธิการประจำภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเซียและแปซิฟิก ( The Economic and Social Commission for Asia and The Pacific : ESCAP ) สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
4.คณะมนตรีภาวะทรัสตี ประกอบด้วย จีน ฝรั่งเศษ รัสเซีย อังกฤษ และ สหรัฐอเมริกา มีหน้าที่ดูแลดินแดนในภาวะทรัสตีที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ รับผิดชอบอยู่เพื่อให้มีการดำเนินงานเป็นขั้นตอนอันจะนำไปสู่การปกครองตนเอง หรือการได้รับเอกราช เดิมดินแดนในภาวะทรัสตีมี 11 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกา และมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งได้รับเอกราชไปหมดแล้ว ปาเลา ( Palau ) เป็นดินแดนในภาวะทรัสตีแห่งสุดท้าย เดิมอยู่ในความดูแลของสหรัฐอเมริกาได้รับเอกราชเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1994 ส่งผลให้คณะมนตรีภาวะทรัสตีหยุดการปฎิบัติงานอย่างเป็นทางการและจะประชุมเฉพาะเรื่องพิเศษตามความจำเป็น
5.ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ “ ศาลโลก “ ตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นองค์การตุลาการที่สำคัญของสหประชาชาติ ประกิบด้วยผู้พิพากษา จำนวน 15 นาย อยู่ในตำแหน่งคราวละ 9 ปี คู่ความที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลได้จะต้องเป็นรัฐคู่กรณีซึ่งเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ถ้ามิใช่สมาชิกจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมัชชา เอกชน จะนำคดีมาสู่ศาลนี้ไม่ได้
6.สำนักเลขาธิการ ทำหน้าที่บริหารงานของสหประชาชาติภายใต้การนำของเลขาธิการสหประชาชาติเลือกตั้งโดยสมัชชาด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่าสองในสามทั้งนี้โดยคำแนะนำของคณะมนตรีความมั่นคง เลขาธิการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 5 ปี โดยหลักการเลขาธิการจะมาจากประเทศที่เป็นกลางหรือไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หร้าที่สำคัญของเลขาธิการ คือ การรายงานสถานการณ์ระหว่างประเทศที่กระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศให้คณะมนตรีความมั่นคงทราบ และ ทำหน้าที่ทางการทูตของสหประชาชาติ 
                        ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งองค์การสหประชาชาติมาจนถึงปัจจุบันมีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ ดังนี้
1.)  นาย ทริกเว ลี ( Trygve Lie ) จาก ประเทศนอร์เวย์ ( ค.ศ. 1946 – 1953 )
2.)  นาย ดั๊ก ฮัมมาร์โชลด์ ( Dag Hammarskjold ) จาก ประเทศสวีเดน ( ค.ศ. 1953 – 1961 )
3.)  นาย อู ถั่น ( U Thant ) จาก ประเทศพม่า ( ค.ศ. 1961 – 1971 )
4.)  นาย คูร์ต วอลด์ไฮม์ ( Kurt Waldheim ) จาก ประเทศออสเตรีย ( ค.ศ. 1972 – 1981 )
5.)  นาย ฮาเวียร์ เปเรส เดอ เควยาร์ ( Javier Perez de Cuellar ) จาก ประเทศเปรู ( ค.ศ. 1982 – 1991 )
6.)  นาย บรูโทรส บรูโทรส กาลี ( Boutros Boutros Ghali ) จาก ประเทศอียิปต์ ( ค.ศ. 1992 – 1996 ) 
7.นาย โคฟี อันนัน ( Kofi Annan ) จาก ประเทศกานา เข้ารับตำแหน่ง วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1997 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2001 ต่อมาได้รับเลือกเป็นเลขาธิการสหประชาชาติสมัยที่ 2 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2002
       นอกจากนั้นยังมีองค์กรพิเศษที่ทำงานในฐานะองค์การสหประชาชาติอีกหลายองค์การ เช่น ทบวงการชำนาญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ( Specialized Agencies ) ซึ่งเป็นองค์การอิสระ และ ปฎิบัติงานเฉพาะด้าน ทำหน้าที่ในการส่งเสริมเศรษฐกิจ และ สังคมของประเทศสมาชิกซึ่งจัดตั้งขึ้นตามความตกลงของรัฐบาล ในปัจจุบันมี 16 องค์การ ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ( ILO ) องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ( FAO ) องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( UNESCO ) องค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO ) ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและพัฒนาหรือธนาคารโลก ( IBRD/World Bank ) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) องค์การอนามัยโลก ( WHO ) สหภาพไปรษณีย์สากล ( UPU ) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประทศ ( ITU ) สมาคมพัฒนาประเทศระหว่างประเทศ ( IDA ) บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ ( IFC ) องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ( WMO )  องค์การกิจการทางทะเลระหว่างประเทศ ( IMO ) องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ( WIPO)  กองทุนระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาเกษตรกรรม ( IFAD ) องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ ( UNIDO ) และมีองค์กรอิสระซึ่งมิใช่ทบวงชำนัญพิเศษ ได้แก่ ข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยการพิกัดอัตราภาษีศุลกากรและการค้า ( GATT ) และ สำนักงานพลังปรมาณูระหว่างประเทศ ( IAEA ) เป็นต้น
        ในปัจจุบันองค์การสหประชาชาติ ได้จัดตั้งทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติเพื่อปฎิบัติงานอันใดอันหนึ่งหรือเฉพาะด้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการส่งเสริมทางเศรษฐกิจ สังคม และ การศึกษา ในสหประชาชาติ ( UNHCR ) ซึ่งได้ดำเนินการในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติมากมาย ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และ การเมือง องค์การสหประชาชาติ จึงเป็นองค์การหลักที่มีความสำคัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Présentation